บทความน่ารู้


ซะกาตทองและเงิน

หุก่มการจ่ายซะกาตทองและเงินบริสุทธิ์

จำเป็นต้องจ่ายซะกาตทองคำและเงินบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเหรียญ แท่ง  เครื่องประดับ หรือเป็นก้อน เมื่อมีจำนวนครบพิกัดและครบรอบปี

1- อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

ความว่า “และบรรดาผู้ที่สะสมทองและเงิน และไม่จ่ายมันในทางของอัลลอฮฺนั้น จงแจ้งข่าวดีแก่พวกเขาเถิดด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด วันที่มันจะถูกเผาไฟนรกแห่งญะฮันนัม แล้วหน้าผากของพวกเขาและสีข้างของพวกเขา และหลังของพวกเขาจะถูกนาบด้วยมัน นี่แหละคือสิ่งที่พวกเจ้าได้สะสมไว้เพื่อตัวของพวกเจ้าเอง ดังนั้นจงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าสะสมไว้เถิด”  (อัต-เตาบะฮฺ 34-35)

2- จากอบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«لَيْسَ فِيمَا دُونَ خَمْسِ أَوَاقٍ صَدَقَةٌ، وَلَيْسَ فِيمَا دُونَ خَمْسِ ذَوْدٍ صَدَقَةٌ، وَلَيْسَ فِيمَا دُونَ خَمْسِ أَوْسُقٍ صَدَقَةٌ»

ความว่า “ทรัพย์สินที่ไม่ครบห้าอูกิยะฮฺ(หน่วยชั่งชนิดหนึ่ง)ไม่ต้องจ่ายซะกาต อูฐที่ไม่ครบห้าตัวไม่ต้องจ่ายซะกาต ธัญญพืชที่ไม่ครบห้าวะสัก(หน่วยตวงชนิดหนึ่ง)ไม่ต้องจ่ายซะกาตเช่นกัน” (อัล-บุคอรีย์ 1405 มุสลิม 979)

 

ปริมาณพิกัดทองคำ

- ทองหากถึงปริมาณยี่สิบดีนาร์หรือมากกว่านั้น ถือว่าต้องจ่ายซะกาตจำนวนหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ (ร้อยละสองจุดห้า)

- หนึ่งดีนาร์ของทองมีน้ำหนักเท่ากับหนึ่งมิษกอล และหนึ่งมิษกอลเทียบกับมาตรวัดในปัจจุบันเท่ากับ 4.25 กรัม

- ยี่สิบดีนาร์เท่ากับ 85 กรัมทองคำ นั้นคือ 20 × 4.25  = 85 กรัมทองคำ ซึ่งถือเป็นค่าต่ำสุดของพิกัดทองคำ

 

ปริมาณพิกัดเงิน

- เงินหากถึงปริมาณสองร้อยดิรฮัม หรือมากกว่านั้น หรือมีน้ำหนักห้าอูกิยะฮฺหรือเกินกว่านั้นถือว่าต้องจ่ายซะกาตจำนวนหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ(ร้อยละสองจุดห้า)

- สองร้อยดิรฮัมมีน้ำหนักเท่ากับ 595 กรัมหรือเท่ากับ 56 เหรียญเงินบริสุทธิ์ซาอุดิอาระเบีย และหนึ่งเหรียญเงินบริสุทธิ์ซาอุดิอาระเบียปัจจุบันมีค่าเท่ากับ 7 ริยาลซาอุดิอาระเบีย ดังนั้นจึงแสดงการคูณได้ดังนี้ 7 × 56 = 392 ริยาลซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นค่าต่ำสุดของพิกัดเงินธนบัตรซาอุดิอาระเบีย ซึ่งต้องจ่ายหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ นั่นก็คือเท่ากับ 9.8 ริยาล หรือคิดเป็นร้อยละ 2.5

 

การทำรูปพรรณทองและเงินมีสามลักษณะคือ

  1. หากมีเจตนาในการทำเพื่อการค้าถือว่าต้องเสียซะกาตค้าขาย หนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ(ร้อยละสองจุดห้า)เพราะมันกลายเป็นสินค้าที่ค้าขายจึงต้องตีค่าเป็นสกุลเงินประเทศนั้นแล้วจึงจ่ายซะกาต
  2. หากมีเจตนาในการทำดังกล่าวเพื่อเป็นของมีค่า เช่นภาชนะเครื่องใช้ อย่างมีด ช้อน กาน้ำ เป็นต้น ถือว่าหะรอมแต่ต้องจ่ายซะกาตหากครบพิกัดเป็นจำนวนหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ
  3. หากมีเจตนาในการทำเพื่อใช้สอยในสิ่งมุบาหฺ(ศาสนาอนุญาต) หรือให้ยืม ถือว่าต้องจ่ายซะกาต จำนวนหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบหากถึงพิกัดและครบรอบปี

 

ซะกาตเงินธนบัตรต่างๆ (เงินตราสกุลต่างๆ ในปัจจุบัน)

เงินตราต่างๆ ในปัจจุบันเช่น ริยาล ดอลลาร์ บาท เป็นต้น หุก่มของมันเหมือนกับทองและเงิน ต้องตีค่าตามราคาของมัน หากถึงพิกัดทองหรือเงิน ถือว่าต้องจ่ายซะกาตจำนวนหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ(ร้อยละสองจุดห้า)เมื่อครบรอบปี

 

วิธีการคิดพิกัดซะกาตธนบัตร(เงินตราในปัจจุบัน)

ให้ตีค่าธนบัตรเป็นพิกัดทองหรือเงิน ดังนั้นเมื่อค่าต่ำสุดของพิกัดทองคือ 85 กรัม และสมมุติว่าราคาทองหนึ่งกรัมเท่ากับ 40 ริยาลซาอุดิอารเบีย ให้เราคูณค่าพิกัดทองเข้ากับราคาต่อกรัม ดังนี้ 85 × 40 = 3400 ริยาล นี้คือค่าต่ำสุดของพิกัดธนบัตร(เงินตราปัจจุบัน) ซึ่งต้องจ่ายหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ นั้นคือเท่ากับ 85 ริยาลซาอุดิอาระเบีย หรือเท่ากับ ร้อยละสองจุดห้า เป็นต้น

ในการคิดจำนวนซะกาตธนบัตร(เงินตราปัจจุบัน)มีหลายวิธี

  1. แบ่งทรัพย์สินเป็น 40 ส่วน แล้วเอาออกหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ (2.5%)ซึ่งเป็นส่วนที่วาญิบสำหรับซะกาตทองและเงินและสิ่งที่อยู่ในลักษณะเดียวกับทั้งสองประเภทนี้ ตัวอย่างเช่น หากบุคคลมีเงิน 80,000 ริยาล คิดได้ดังนี้  80,000 ÷ 40  =  2,000 ริยาล และนี่คือจำนวนซะกาตของเงิน 80,000 ริยาล นั้นคือคิดเป็นส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ
  2. หรือแบ่งทรัพย์สินเป็น 10 ส่วน หนึ่งส่วนจากจำนวนนั้นแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ผลที่ได้คือจำนวนซะกาตที่วาญิบ ตัวอย่างเช่น หากเงินมีจำนวน 100,000 คิดดังนี้ 100,000  ÷   10  =   10,000  แล้วนำมาแบ่งสี่ ดังนี้ 10,000  ÷  4  = 2,500  จำนวน  2,500 นี้คือซะกาตที่วาญิบของเงิน 100,000  เป็นต้น

 

หุก่มซะกาตเครื่องประดับ(ทองและเงิน)ที่เก็บไว้ใช้

            อนุญาตให้สุภาพสตรีสวมใส่ตามธรรมเนียมทั่วไปของสตรีโดยไม่ฟุ่มเฟือยไม่ว่าจะเป็นทองหรือเงิน และนางต้องจ่ายซะกาตหากครบพิกัดและครบรอบปี แต่หากนางไม่รู้หุก่มให้จ่ายทันทีที่รู้ และปีผ่านๆ มาก่อนที่จะรู้ถือว่าไม่ต้องจ่าย เพราะบทบัญญัติศาสนาถือว่าไม่ต้องปฏิบัติจนกว่านางจะรู้ (แต่ถ้านางอยู่ในสภาพที่จะเรียนรู้ได้แต่ไม่ยอมเรียนรู้ถือว่าไม่พ้นผิดและต้องชดเชยสิ่งที่ผ่านมา - ผู้แปล)

 

หุก่มซะกาตเครื่องเพชรและไข่มุก

เพชร ไข่มุก หินมีค่า(อัญมณี)และสิ่งอื่นๆ ที่คล้ายกัน หากมีไว้เพื่อใช้สวมใส่ ถือว่าไม่ต้องจ่ายซะกาต แต่หากมีไว้เพื่อการค้าก็ให้เทียบค่ากับพิกัดของทองและเงิน หากครบพิกัดและครบรอบปีต้องจ่ายซะกาตจำนวนหนึ่งส่วนสี่ของหนึ่งส่วนสิบ(ร้อยละสองจุดห้า)

- จะไม่ต้องนำทองไปรวมกับเงินเพื่อให้ครบพิกัด แต่ในส่วนของราคาสินค้านั้นจะต้องรวมเข้ากับทั้งทองหรือเงินเพื่อคำนวนให้ครบพิกัดซะกาต


อ้างอิง :: https://islamhouse.com/th/articles/330800

 


ย้อนกลับ